top of page

ย้ายประเทศกันเถอะ! ทัศนคติที่พ่วงมากับการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง


 



สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ หากย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในโซเชียลมีเดียได้เกิดปรากฏการณ์กระแส #ย้ายประเทศกันเถอะ ซึ่งประเด็นนี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้างและติดอันดับในโซเชียลมีเดียนานร่วมหลายสัปดาห์เลยทีเดียวค่ะ จุดกำเนิดแรกมาจากการตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กชื่อกลุ่มว่า “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย”


กลุ่ม “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” เป็นกลุ่มที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการย้ายประเทศโดยผู้ที่ย้ายสำเร็จแล้วนั่นเองค่ะ ปัจจุบันมีสมาชิกในกลุ่มถึง 1.1 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ (อัปเดตล่าสุด ตุลาคม 2564) ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการก่อตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาคือการแสดงออกต่อความไม่พอใจในการบริหารประเทศช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั่นเองค่ะ สมาชิกกลุ่มต่างแสดงความคิดเห็นว่า ต่อให้อยู่ไทยไปอีกสิบปีหรือยี่สิบปี แต่ถ้ารัฐบาลยังบริหารประเทศได้ย่ำแย่และถอยหลังลงคลองแบบนี้ สู้ย้ายไปอยู่ประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วดีกว่า


หลายวันก่อนพิมชาได้มีโอกาสสัมภาษณ์แขกคนพิเศษค่ะ นั่นคือคุณมิ้งค์ ปาณิสรา หรือเจ้าของนามปากกา mercy พิมชาจึงอยากสอบถามถึงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการย้ายประเทศของคุณมิ้งค์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ เอาล่ะค่ะ รัดเข็มขัดนิรภัยให้พร้อม แล้วเตรียม take off กันได้เลย




ก่อนอื่นอยากให้คุณมิ้งค์แนะนำตัวสักเล็กน้อยค่ะ

สวัสดีค่ะ ชื่อมิ้งค์นะคะ ปาณิสรา เจริญกิจค่ะ อยู่ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กค่ะ



อยากทราบว่าพื้นเพคุณมิ้งค์เป็นคนที่ไหนคะ

เป็นคนจังหวัดจันทบุรีค่ะ เกิดและโตในประเทศไทยค่ะ



ในใจคุณมิ้งตอนนี้มีประเทศในดวงใจที่อยากย้ายไปอยู่ไหมคะ

ในใจตอนนี้อยากย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นค่ะ อยากย้ายไปนานมาก ๆ แล้ว



น่าสนใจมาก ทำไมถึงเลือกเป็นประเทศญี่ปุ่นคะ

คือเราชอบวัฒนธรรมของเขาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว คนญี่ปุ่นมีอะไรบางอย่างที่พิเศษและโดดเด่น ที่สำคัญคือถ้าระบบรักษาความปลอดภัยดี เมืองดี ทุกอย่างมันก็น่าอยู่ค่ะ



คุณมิ้งค์คิดว่าประเทศญี่ปุ่นมีอะไรแตกต่างไปจากประเทศไทยที่คุณมิ้งอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดไหมคะ

โห...(หัวเราะ) พูดง่าย ๆ คือ เรื่องกฎระเบียบ แค่ทางม้าลายก็ต่างกันแล้ว ลองนึกถึงทางม้าลายหน้ามศว ที่ขนาดไฟแดงขึ้นแล้วแต่รถก็ยังขับผ่าไฟแดงอยู่เลย มันอยู่ที่คนด้วยและอยู่ที่กฎหมายที่เข้มงวดด้วย แค่นี้ก็ต่างกันมากแล้ว



อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณมิ้งค์อยากย้ายจากประเทศไทย

รู้สึกว่า คนในประเทศเราไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงเต็มที่ ต่อให้เขาจะบอกว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตยก็ตาม



ดังนั้นคุณมิ้งค์ก็เลยต้องการย้ายไปยังประเทศที่เรามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของเราได้อย่างเสรีนั่นเอง

ใช่ค่ะ อีกอย่างประเทศไทยไม่ได้สนับสนุนประชากรตัวเองเลย ความเจริญกระจุกอยู่แค่ในเมืองหลวง และในเมืองหลวงที่ว่าเจริญแล้วมันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น มันไม่มีที่ไหนดีเลยในความรู้สึก



แล้วคุณมิ้งค์คิดว่า จะมีอุปสรรคอะไรเป็นที่ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คุณมิ้งค์ย้ายประเทศไม่ได้คะ

อย่างแรกคงเป็นเรื่องภาษาค่ะ คนญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่น แล้วตัวเราไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อน เพราะถ้าเราย้ายไปอยู่แล้วจะขอย้ายสัญชาติแต่ติดเรื่องภาษา เราก็จะขอไม่ได้ค่ะ อีกอย่างคือเรื่องเงินค่ะ



ถ้าคุณมิ้งค์มีโอกาสย้ายไปจริง ๆ คุณมิ้งค์จะไปทำอะไรที่นั่นคะ

ถ้าย้ายไปได้ก็คงรับหิ้วสินค้ากลับมาขาย ส่งกลับมายังไทยค่ะเป็นการประกอบอาชีพและหารายได้ค่ะ



คุณมิ้งค์คิดว่าทักษะที่คุณมิ้งค์มีติดตัว หรือความรู้จากการเรียนในระบบการศึกษาไทยนับสิบกว่าปีจะทำให้คุณมิ้งค์มีข้อได้เปรียบอะไรในการย้ายไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นไหมคะ

ถามว่ามีไหม เราคิดว่าทักษะหนึ่งที่คนไทยมีคือการเอาตัวรอดนะ ที่ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรเราก็จะเอาตัวรอดได้ แต่โรงเรียนไม่ได้สอนนะ มันเป็นสิ่งที่เราเก็บเกี่ยวมาตลอดชีวิตของเรามากกว่า



ถ้าปัญหาในประเทศซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ เลยที่ทำให้คุณมิ้งค์ยากย้ายประเทศได้รับการแก้ไขแล้ว หรือประเทศพัฒนาได้เทียบเท่าญี่ปุ่น คุณมิ้งค์มีสิทธิ์ย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยเหมือนเดิมไหมคะ

มีสิทธิ์ค่ะ จริง ๆ ประเทศเรามันดีมากนะ ประเทศไทยมีเสน่ห์มาก ๆ แต่ระบบการจัดการของรัฐไม่พัฒนาเลย แต่ถ้าวันหนึ่งมันพัฒนาแล้ว และเราอยู่ที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรา เรามีสิทธิ์กลับมาแน่นอนค่ะ



มีประเทศสำรองไหมคะถ้าหากย้ายไปญี่ปุ่นไม่ได้

ไต้หวันละกัน ใกล้ ๆ ค่าครองชีพไม่ต่างจากไทย



คำถามสุดท้ายนะคะ คุณมิ้งค์อยากจะพูดอะไรกับตัวเองในอนาคตที่ได้ย้ายประเทศสำเร็จแล้วคะ

อยากบอกว่าตัวเองเก่งมากที่อดทนได้ขนาดนี้ และถ้าประเทศยังไม่ดีขึ้นก็ไม่ต้องกลับมาไทย (หัวเราะ) ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไปเลย ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้




 

"ประเทศไทยมีเสน่ห์มาก ๆ แต่ระบบการจัดการของรัฐไม่พัฒนาเลย"

 



สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณคุณมิ้งค์เป็นอย่างยิ่งค่ะสำหรับความคิดเห็นต่อการย้ายประเทศ ทุกท่านสามารถสนับสนุนและติดตามงานเขียนของคุณมิ้งค์ได้ทางเว็บบล็อกนี้ค่ะ click


นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดเด็กรุ่นใหม่ที่มีต่อการย้ายประเทศค่ะ พิมชาเชื่อว่าใคร ๆ ก็ต้องรักบ้านเกิดของตัวเองทั้งนั้น และเราทุกคนต่างก็ต้องการให้ประเทศบ้านเกิดที่เราอาศัยอยู่ได้รับการพัฒนา เพื่อให้ครอบครัวได้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คงไม่มีใครอยากจมอยู่กับความลำบากไปตลอดชีวิตจริงไหมคะ แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการย้ายประเทศ







interviewee







Commentaires


bottom of page