ค่ำคืนฝนตกนั้น...ความรักจะหวนกลับมาหรือเปล่านะ?
Ding Dong! "ยินดีต้อนรับค่ะ!"
'คีตะ' ยิ้มรับคำทักทายจากพนักงานในร้านอาหารจานด่วน อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศภายในร้านไม่ได้ช่วยบรรเทาความหนาวจนสั่นสะท้านของเขาให้หายไปสักนิด
ฤดูฝน มักจะมาพร้อมลมเย็นเสียดผิวเสมอ
คีตะไม่ชอบเอาเสียเลย
"ฟู่ว..."
ร่างโปร่งใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดตัวที่สั่นง่ก ๆ ของตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ทั้งเส้นผม ใบหน้า และเสื้อโคตตัวบาง ๆ ของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนมากมาย ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ฝนห่าใหญ่จะตกลงมาทั้งที่แดดออกจัดมาตลอดทั้งวัน และใครจะคิดว่ามันจะตกช่วงที่เขาเพิ่งเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านแบบพอดิบพอดี
โชคเข้าข้างเสียจริง
"..."
คีตะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ร้าน ขณะนี้ลูกค้าแน่นขนัด หลายคนคงแวะหาที่หลบฝนและคลายหนาวเช่นเดียวกันกับเขา บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มากันเป็นกลุ่ม จึงเหลือโต๊ะว่างเพียงที่เดียวคือฝั่งมุมขวาสุดของร้าน คีตะตัดสินใจได้ในทันที
หมับ!
"คีตะ เดี๋ยว..."
ร่างชุ่มฝนชะงักกับเสียงที่เรียกชื่อตน เพราะน้ำเสียงนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน สัมผัสอุ่นวาบเกิดขึ้นที่มือข้างขวาของเขาก็เช่นกัน เป็นสัมผัสที่คุ้นเคย ดังนั้นเมื่อสมองสั่งการแล้ว หัวใจที่อยู่ปกติพลันเต้นแรงขึ้นทันใด
น้ำเสียงแบบนี้ และสัมผัสแบบนี้…
"คณิน.."
คนรักเก่าของเขานั่นเอง
คีตะเอ่ยขึ้นโดยไม่เหลียวหลังมอง ไม่แน่ใจนักว่ากลัวจะได้เห็นใบหน้าคมคายที่เขาหลงรักอีกครั้ง หรือกลัวหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นรัวอยู่ขณะนี้กันแน่
"เหลือโต๊ะอยู่ตัวเดียว เรานั่งด้วยกันได้ไหม?"
น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั่นเอ่ยออกมาอีกครั้ง หากแต่คีตะเม้มปากแน่น เนิ่นนานและไร้คำตอบ ทว่าสัมผัสอบอุ่นที่มือยังคงเหลืออยู่
"ขออนุญาตนะคะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามาด้วยกันหรือเปล่า โต๊ะเหลือตัวสุดท้ายทางด้านขวานะคะ" เสียงหวาน ๆ แสนสุภาพของพนักงานสาวปลุกคีตะให้ออกจากภวังค์ เขาได้ยินคณินเอ่ยรับว่า 'ครับ' เบาๆ
"ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่ง" แรงกระตุกที่ข้อมือทำให้คีตะจำเป็นต้องเดินตามเขาไปอย่างอดไม่ได้
ทั้งคู่ทิ้งตัวนั่งลงคนละฝั่งเก้าอี้หลังสั่งอาหารมื้อค่ำหน้าเคาน์เตอร์เป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศพลันเงียบสนิท ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาท่ามกลางบรรยากาศน่าอึดอัดนี่
คีตะลอบสังเกตคนตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว สีผมเขาสว่างขึ้น ไหล่ที่กว้างอยู่แล้วดูเหมือนจะกว้างขึ้นมากกว่าเดิม คณินสูงขึ้นกว่าตอนที่พบกันครั้งล่าสุดมาก ใบหน้าของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเส้นผมเปียกลู่ที่ระดวงหน้าตอนนี้อยู่ก็เป็นได้
แต่สิ่งที่อีกฝ่ายไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด...คือดวงตาขี้เล่นแสนอ่อนโยนคู่นั้น
คีตะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะละสายตาจากนัยน์ตาทรงเสน่ห์ เขายังคงหลงรักมันเสมอแม้กระทั่งตอนนี้
"กินแต่ของเผ็ด ๆ เดี๋ยวก็ปวดท้องแบบเมื่อก่อนหรอก" คณินเอ่ยยิ้มๆ พลางเหลือบมองเบอร์เกอร์รสจัดในมือเขา เบอร์เกอร์สไปซี่โคเรียนชิกเก้นอร่อยถูกใจเขาแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่จ้องจับผิดเสียได้ ใบหน้าง้ำงอจึงเชิดขึ้นเล็กน้อย
"ยังจำได้อีกเหรอ" คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต แม้จะรู้ว่าท้องไส้ตนเองไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นทว่าคีตะก็ยังรั้น กินแต่อาหารรสจัดเป็นประจำจนปวดท้อง เดือดร้อนอีกฝ่ายที่ต้องมาดูแลเขาทุกที
"ไม่เคยลืมต่างหาก" คณินตอบ เขาหัวเราะเบา ๆ พลางดูดโคล่าในมือ ขณะเดียวกันคีตะที่ตอนนี้บนศีรษะมีผ้าเช็ดหน้าสีเทาผืนใหญ่ของอีกคนวางเพื่อซับน้ำฝนอยู่หลุบตาลงเล็กน้อย
"นี่...ถามไรหน่อย" คีตะถาม อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับ
"วันนี้น่ะ...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม? นายตามฉันมาเหรอ"
"..." ซึ่งเป็นดังที่เขาคาดเดาไว้ เพราะอีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรออกมาแถมยังก้มหน้าลงหลบตาเขาอีก
"ว่าแล้วต้องเป็นนาย ในร้านหนังสือนั่น ฉันจำกลิ่นน้ำหอมได้" แน่นอนสิ น้ำหอมกลิ่นที่คณินฉีดบนตัวเป็นกลิ่นที่เขาเลือกซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว ไม่คิดว่าคณินยังคงใช้มันอยู่
"ถ้าไม่ตอบแสดงว่าใช่นะ"
"อืม ฉันเห็นนายที่ร้านหนังสือเมื่อกี้ กะว่าจะตามมาแบบเงียบ ๆ แล้วก็แยกกันตอนนายจะข้ามถนนมาฝั่งนี้ แต่ก็นะ..."
"..."
"อยู่ดี ๆ ฝนก็ตกลงมา เห็นนายโดนฝนตัวเปียกไปหมดแบบนี้ก็เป็นห่วง"
"..."
"ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาใครจะดูแล"
"..."
"อา...โทษที ฉันลืมไป คน ๆ นั้นของนายคงไม่ปล่อยให้นายเป็นอะไรอยู่แล้วล่ะ"
"..." คีตะพลันชะงักงัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกับประโยคหยุดหัวใจเมื่อครู่
แต่ที่แน่ ๆ ...ตอนนี้เขากลับอบอุ่นไปทั้งใจเมื่อได้ยินว่าคณินเป็นห่วงเขา
"นี่ นายรู้อะไรไหมคณิน"
"หือ" คนถูกเรียกชื่อขานรับทั้งที่กำลังกัดเบอร์เกอร์ออสเตรเลียนบีฟเข้าปาก
"ฉันน่ะ..."
"ออร์เดอร์ลูกค้าหมายเลข 198 ได้แล้วนะคะ!"
เสียงเรียกลูกค้าของพนักงานสาวหลังเคาน์เตอร์ทำเอาคีตะจิ๊ปากเบาๆ แต่คนตัวสูงตรงหน้าเขาไม่ได้ยิน คณินยิ้มร่า กุลีกุจอเดินไปรับรายการอาหารที่สั่งเพิ่มมาวางบนโต๊ะ
"โห อันนี้หอมมาก" วางลงบนโต๊ะได้ไม่ทันไรคณินก็หยิบมันเข้าปาก เมนูใหม่ดูแล้วช่างน่ากิน กลิ่นหอม ๆ ทำเอาคีตะแทบลืมสิ่งที่ตั้งใจจะพูดไปชั่วขณะ
"..."
"โทษที เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ"
"ฮะ อ๋อ...คือฉันจะบอกว่าผ้าเช็ดหน้าของนายผืนนี้น่ะ มันเปียกหมดแล้ว ถ้าซักเสร็จจะเอาไปคืนนะ" คีตะพูดพร้อมชี้นิ้วไปยังผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมบนกลุ่มผมนุ่ม เจ้าของผ้าเช็ดหน้าไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าตอบรับเพราะตอนนี้เขามีเฟรนช์ฟรายทรัฟเฟิลเบคอนร้อน ๆ อยู่ในปาก
แต่ถ้าคณินสังเกตสักนิด...เขาจะรู้ว่าคีตะไม่ได้พูดสิ่งที่คิด
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองคนอีกครั้ง คีตะไม่คุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ภาพเขาทั้งสองเมื่อหลายเดือนก่อน บทสนทนาสนุกสนานเปี่ยมด้วยรัก บนโต๊ะอาหารไม่เคยมีความเงียบและน่าอึดอัดเช่นขณะนี้เลยสักนิด
ทำไมเขาจึงทำตัวปกติได้เช่นนี้กัน
พลันคีตะก็ฉุกคิดได้ ว่ามันเป็นเพียงอดีต
"เอ่อ...คณิน"
"ว่าไง" เขาขานรับพลางวางแก้วโคล่าที่พร่องไปกว่าครึ่งลงบนโต๊ะ นัยน์ตาเป็นประกายมองตรงไปยังคีตะอย่างสนใจ
"จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะขอคอนแทกต์นายไว้น่ะ พอดีเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกอย่างหายหมดเลย"
"..."
"คือ จะเอาไว้เผื่อจะคืนผ้าเช็ดหน้าน่ะ"
"...นี่นายลืมเบอร์โทรศัพท์ฉันเหรอคีตะ" คณินขมวดคิ้วมุ่นราวไม่ชอบใจ คนมีคดีจึงส่ายหน้าเป็นพัลวัน เขาไม่อยากให้คณินเข้าใจเขาผิดหรอก แต่เขาเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์จริงๆ
"เปล่านะ แต่คือ..."
"คือ?"
"เอ่อ...ช่างมันเถอะ"
"..." คณินพยักหน้ารับ หากอีกฝ่ายไม่อยากพูดเขาก็จะไม่เซ้าซี้ต่อ
"เบอร์เดิมนั่นแหละ ถ้านายมีเบอร์ฉันนายก็มีทุกอย่างแล้ว" คนตัวโตกว่าเอ่ยเสียงเรียบราวย้ำเตือนให้อีกคนรู้ อันที่จริงคีตะรู้นั่นแหละว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่ที่เขาถามก็เพราะจะขออนุญาตก่อนต่างหาก
ร่างโปร่งยิ้มรับเบา ๆ พลางหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของอีกคนจนเสร็จสรรพ นัยน์ตาใสเสมองไปนอกหน้าต่างที่มีเม็ดฝนเกาะพราวอยู่รอบๆ เสียงฝนกระทบหลังคาที่หายไปทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว ทั้งเส้นผม เนื้อตัว และเสื้อผ้าของเขาก็แห้งหมาดแล้วเช่นกัน
ได้เวลาที่เขาจะต้องไปเสียที
"ฝนหยุดตกแล้วนะ" คนตัวสูงสบตาเขานิ่ง คีตะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมมาพับแล้วเก็บใส่ลงในกระเป๋าสะพายของตัวเอง "ฉันน่าจะต้องไปแล้วล่ะ"
"อื้ม ฉันก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน" คณินเก็บสัมภาระของตัวเองลงบ้าง "แล้วนายกลับยังไงเนี่ย น้ำจะท่วมหรือเปล่า"
คีตะเงยหน้ามองนาฬิกาดิจิทัลเรือนสีขาวบนฝาผนังร้าน "รถไฟใต้ดินยังไม่หมด แต่เดี๋ยวดูก่อนว่าถ้าถึงแล้วน้ำจะท่วมไหม ถ้าท่วมก็คงต้องฝ่าไปแหละ"
"งั้นออกไปพร้อมกันเลยดีไหม" ร่างโปร่งพยักหน้ารับแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง (ที่ยังเตี้ยกว่าคณินอยู่ดี) สองร่างเดินเคียงกันไปจนหยุดหน้าร้าน คีตะเหลือบมองคนข้าง ๆ ซึ่งคณินก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
"คณิน จริง ๆ แล้วฉันมีเรื่องจะบอกนายหนึ่งอย่าง" คนตัวเล็กกว่าหลุบสายตาลงต่ำ
"จริง ๆ แล้วตอนนี้ ฉันยังไม่มีคน ๆ นั้นแบบที่นายพูดหรอกนะ" คีตะเห็นว่าอีกฝ่ายชะงักไปครู่หนึ่ง "แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไรจะมี ถ้าคน ๆ นั้นไม่ใช่นาย"
"..." คณินมองอีกฝ่ายที่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่เขารู้ดีว่าดวงตาเรียวคู่นั้นกำลังเศร้าอยู่ไม่น้อย
"คีตะ... "
"..."
"จริง ๆ แล้วที่บอกว่าไม่เคยลืมน่ะ"
"..."
"ฉันไม่เคยลืมจริง ๆ นะ"
"..."
"ฉันไม่เคยลืมนายได้เลยสักวัน"
คณินเดินออกจากไปแล้วหลังทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายไว้พร้อมรอยยิ้มที่สุดแสนจะคิดถึง คีตะนิ่งไปราวถูกสาป เขาจมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองไปชั่วครู่ พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็สมควรจะกลับบ้านเสียที จึงล้วงกระเป๋าหยิบมือถือพร้อมหูฟังขึ้นมา
แต่แล้วการแจ้งเตือนบนหน้าจอก็ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมาได้
-KANIN : สวัสดีคีตะ :)
คีตะตกหลุมรักหน้าฝนเสียแล้วล่ะ
Comments